“การทรุดตัว” เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายเมืองในโลกกำลังเผชิญ มันคือปัญหาการจมหรือการทรุดตัวของพื้นผิวโลกเนื่องจากสาเหตุตามธรรมชาติหรือที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์
การศึกษาในเดือนกันยายน 2022 พบว่า 44 จาก 48 เมืองชายฝั่งที่มีประชากรมากที่สุดมีพื้นที่ที่จมเร็วกว่าระดับน้ำทะเล ล่าสุดการศึกษาใหม่ตอกย้ำในเรื่องนี้ โดยเปิดเผยว่า แผ่นดินของมหานครนิวยอร์กในสหรัฐฯ กำลังทรุดและจมลงเรื่อย ๆ จากน้ำหนักของอาคารสูงทั้งหมดที่มากเกินไป
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้คาดว่าอาจสร้างปัญหาให้กับมหานครแห่งนี้ ซึ่งเดิมทีก็กำลังเจอกับวิกฤตระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเร็วกว่าอัตราทั่วโลกมากกว่า 2 เท่า โดยระดับน้ำที่ด้านข้างนครนิวยอร์กสูงขึ้นประมาณ 22 ซม. ตั้งแต่ปี 1950 และคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 20-75 เซนติเมตรภายในปี 2050
ยิ่งไปกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์คาดว่านิวยอร์กจะเจอฝนตกบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้นจากวิกฤตสภาพอากาศ โดยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่จากพายุอาจเกิดขึ้นบ่อยกว่าปัจจุบันถึง 4 เท่าภายในสิ้นศตวรรษนี้ เนื่องจากการรวมกันของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพายุเฮอริเคน แข็งแกร่งขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จำนวนประชากรสัตว์ป่าบนโลก กำลังลดลงเร็วกว่าที่คาด!
ภาพปลอม! มือดีใช้เอไอทำภาพเหตุระเบิดใกล้ตึกเพนตากอน
การระเบิดครั้งใหญ่ในอวกาศ เกิด “ลูกไฟขนาดใหญ่กว่าระบบสุริยะ 100 เท่า”
ทอม พาร์สันส์ นักธรณีฟิสิกส์ขององค์การสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า งานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า การมีอาคารสูงในบริเวณชายฝั่งทะเล ริมฝั่งแม่น้ำ หรือริมทะเลสาบ สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคตได้อย่างไร และควรมีการดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเป็นอันตราย
ทีมวิจัยได้คำนวณมวลของอาคาร 1,084,954 แห่งที่มีอยู่ทั่วทั้ง 5 เขตของนครนิวยอร์ก จนได้ข้อสรุปว่า อาคารเหล่านี้มีน้ำหนักประมาณ 762 แสนล้านกิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ที่บรรทุกเต็มลำประมาณ 1.9 ล้านลำ หรือช้าง 140 ล้านตัวโดยประมาณ
จากนั้นทีมวิจัยได้ใช้การจำลองเพื่อคำนวณผลกระทบของน้ำหนักดังกล่าวที่มีต่อพื้นดิน โดยเปรียบเทียบกับข้อมูลดาวเทียมที่แสดงพื้นผิวธรณีวิทยาจริง การวิเคราะห์ดังกล่าวเผยให้เห็นอัตราการจมของเมือง
พาร์สันกล่าวว่า “โดยเฉลี่ย นครนิวยอร์กจมลงประมาณ 1-2 มิลลิเมตรต่อปี แต่บางพื้นที่มีการทรุดตัวมากขึ้นถึงประมาณ 4.5 มิลลิเมตรต่อปี”
อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวทั้งหมดไม่ได้เกิดจากอาคารสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสาเหตุร่วมอีกหลายประการ เช่น การคลายตัวของธารน้ำแข็ง หรือการสูบน้ำใต้ดิน
จากการศึกษาพบว่า พื้นที่บางส่วนของแมนฮัตตันตอนล่าง บรูกลิน และควีนส์ กำลังจมลงในอัตราที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ย
“บางส่วนดูเหมือนจะสอดคล้องกับโครงการก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่ แต่เรายังเห็นการทรุดตัวทางตอนเหนือสุดของเกาะสแตเทน ซึ่งฉันไม่สามารถหาคำอธิบายได้ และฉันได้ตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งยังคงเป็นปริศนาอยู่” พาร์สันส์กล่าว
การทรุดตัวอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามจากน้ำท่วมเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งไม่ได้กำลังเกิดกับแค่นครนิวยอร์กเท่านั้น “มันเป็นปัญหาระดับโลก เพื่อนร่วมทีมวิจัยของฉันจากมหาวิทยาลัยโรดไอส์แลนด์ได้พิจารณาเมือง 99 แห่งทั่วโลก ไม่เพียงแค่ชายฝั่งเท่านั้น แม้แต่เมืองที่อยู่ลึกเข้าไปก็มีปัญหา และเมืองส่วนใหญ่มีปัญหาการทรุดตัว”
พาร์สันส์เสริมว่า “งานวิจัยนี้พิจารณาปัจจัยจากมนุษย์ที่สำคัญซึ่งเพิ่งได้รับความสนใจเมื่อเร็ว ๆ นี้ นั่นคือผลกระทบของน้ำหนักอาคารในเมืองต่อการทรุดตัวของแผ่นดินชายฝั่ง”
เธอเสริมว่า “มหานครนิวยอร์กเป็นหนึ่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก โดยโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญส่วนใหญ่สร้างขึ้นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ต่ำ การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ และการระบุพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมมากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมการที่เหมาะสมเพื่อลดระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในอนาคต”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก AFP